Sunday, January 13, 2013

เพอร์ไลท์ Perlite และเวอร์มิคูไลท์ Vermiculite

เพอร์ไลท์ Perliteและเวอร์มิคูไลท์

มีคนถามว่าหินสีขาวมันคืออะไร มันคือ สีขาว เพอร์ไลท์ สีน้ำตาลคือ เวอร์มิคูไลท์
หน้าที่
เพอร์ไลท์  ทำหน้าเป็นโพรงอากาศ และพะยุต้นกล้า
เวอร์มิคูไลท์ ทำหน้า อุ้มน้ำ เพื่อรักษาระดับความชื้นเพื่อให้เหมาะกับการงอก

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
เพอร์ไลท์ (perlite) เพอร์ไลท์เป็นวัสดุธรรมชาติที่เกิดจากการสลายตัวของหินภูเขาไฟ เพอร์ไลท์ธรรมชาติยังไม่เหมาะที่จะใช้เป็นวัสุดปลูก จะต้องนำไปเผาที่อุณภูมิ 980 - 1000 องศาC ก่อนเพื่อให้เพอร์ไลท์ขยายตัวเช่นเดียวกับเวอร์มิคูไลท์ เมื่อเผาแล้วเพอร์ไลท์มีความหนาแน่นประมาณ 95 - 145 kg/m3 มีความสามารถในการอุ้มน้ำและระบายอากาศได้ดีเพอร์ไลท์เมื่อขยายตัวแล้วมีเสถียรภาพดี มีการยุบตัวน้อย ราคาไม่แพงนักจึงนิยมใช้กันแพร่หลายในประเทศที่มีแหล่งวัตถุดิบ 

คุณสมบัติทางเคมี
 Typing Chemical Analysis  
 Silica 73.78% 
 Alumina 14.73% 
 Ferric Oxide 1.31%

 Titanium Oxide 0.05% 
 Calcium Oxide 1.58% 
 Magnesium Oxide 0.27% 
 Sodium Oxide 2.04% 
 Potassium Oxide 5.15% 
  Water 0.49% 
  Loss in Ignitions  1.8% 

Typing Chemical Analysis  
  Specific Gravity  0.18 kg/1 
  Colour White 
  Fusion Point 1260-1343 ?C 
  Softening Point 871-1093 ?C 
      
Test by:  กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม 


คุณสมบัติของธาตุประกอบต่างๆ ในเพอร์ไลต์

เมื่อดูผลวิเคราะห์องค์ประกอบของธาตุต่างๆ และคุณสมบัติทางกายภาพของแร่เพอร์ไลต์ สามารถสรุปแยกประโยชน์ได้ดังนี้

เพอร์ไลต์มีธาตุซิลิก้า(Si) ซึ่งจะมีคุณสมบัติเด่นในการดูดซับความชื้นได้ดี ทำให้สภาพข้างเคียงโดยรอบชุ่มชื้นสะสมอยู่ในรากพืชมากช่วยทำให้พืชแข็งแรง ต้านทานต่อความแห้งแล้งมีอยู่ในโครงสร้างของผนังเซลล์ ช่วยลดการสูญเสียน้ำ และทนทานต่อการติดโรคช่วยเพิ่มความเจริญเติบโต ลดความเป็นพิษของธาตุแมงกานีส เหล็ก อะลูมิเนี่ยม ที่มีอยู่ในสารละลายดินมากเกินไป ช่วยเพิ่มความหวานให้อ้อยและมีลำต้นแข็งแรงลดอัตราการระเหยของน้ำ ทำให้ต้นข้าวมีใบตั้งตรงรับแสงได้ดี รากสามารถรับอ๊อกซิเจนได้เพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนดีขึ้น ช่วยดูดซับธาตุฟอสฟอรัสและไนโตรเจน

เพอร์ไลต์มีธาตุอะลูมิเนียม(Al)และมีธาตุโซเดียม(Na) ธาตุจำพวกโซเดียมอะลูมิโนซิลิเกต มีคุณสมบัติในการปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่าง และยังสามารถดูดซึมก๊าซหรือสารประกอบอินทรีย์ต่างๆ ได้ดี 

เพอร์ไลต์มีธาตุเหล็ก(Fe) ช่วยในขบวนการหายใจ และช่วยในการสร้างคลอโรฟิลล์ในการปรุงอาหารของพืช และเป็นอาหารเสริมซึ่งพืชต้องการปริมาณน้อย

เพอร์ไลต์มีธาตุโพแทสเซียม(K) ทำให้เปลือกลำต้นแข็งแรง ไม่หักโค่นหรือล้มง่าย ช่วยกระบวนการสร้างน้ำตาลและแป้งที่สะสมในพืช ช่วยในการเคลื่อนย้ายแป้ง และน้ำตาลไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช ช่วยในการแบ่งเซลล์ ช่วยให้พืชมีความต้านทานต่อโรคดีขึ้น ผลที่ตามมาคือออกดอกติดผลดี แต่หากมีการเร่งดอกเร่งผลมากก็จะทำให้ต้นไม้นั้นทรุดโทรมและตายเร็ว

เพอร์ไลต์มีน้ำ(H2O) เป็นตัวประสานธาตุต่างๆ ให้อิ่มตัว ทำละลายแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นแก่พืชและบริเวณใกล้เคียง

สภาพทางกายภาพ

มีความโปร่งรูพรุนเป็นธรรมชาติ และเมื่อได้รับความร้อนเพิ่มขึ้นก็จะขยายตัว 5 - 20 เท่า ทำให้มีความโปร่งและเป็นโพรง เมื่อเข้าไปผสมอยู่ในดินก็จะทำให้ดินมีสภาพโปร่ง สามารถดูดซับกลิ่นโดยเฉพาะแอมโมเนียและไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งจะเป็นปุ๋ยที่ดีของพืช

ความแข็งแรงทำให้สามารถพยุงเนื้อดินในการกดทับได้ดี

เนื่องจากมีเม็ดผลึกที่สม่ำเสมอขนาดเท่าๆ กัน ประมาณ 1 ? 2 มม. ทำให้ความโปรงและร่วนซุยของดินดีและสม่ำเสมอ เสมือนตัวกรองสารต่างๆ ทางธรรมชาติ

มีสภาพเป็นฉนวนกันความร้อนทางธรรมชาติเป็นการผ่อนคลายความร้อนที่สะสมตลอดวันให้แก่ต้นพืชและรากพืชที่อยู่ใต้ดิน

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.

stat